Home ข้อคิดสอนใจ นิ ท า น ส อ น ใ จ ข้าวเปล่า 1 ถ้ ว ย

นิ ท า น ส อ น ใ จ ข้าวเปล่า 1 ถ้ ว ย

ค่ำวันหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีเด็ กหนุ่มท่าทางเหมือนนักศึกษา กำลังลังเลอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ทานเสร็จ และเดินออกจากร้านแล้ว เขาจึงเดินเข้าร้านมาด้วยอาการประหม่า

และหวาดกลัว พร้อมกับพูดเ สียงสั่นกับเจ้าของร้านว่า

 

“ขอข้าวเปล่าถ้วยหนึ่งครับ ขอบคุณครับ”

เด็ กหนุ่มก้มหน้าพูด ไม่กล้าสบตาเจ้าของร้าน

เจ้าของร้านเพิ่งเปิดร้านใหม่ เป็นเถ้าแ ก่หนุ่มสาวคู่หนึ่ง

เห็นเด็ กหนุ่มไม่เอากับข้าวก็รู้สึกสะท้อนใจ

 

แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขารีบตั กข้าวพูนถ้วยส่งให้กับเด็ กหนุ่มคนนั้น

เด็ กหนุ่มจ่ายเ งินพร้อมกับพูดด้วยเ สียงแผ่วเบาว่า “ผมขอน้ำแกงราดบนข้าวสักหน่อยได้ไหมครับ?”

“ตามสบายเลย ไม่คิดเงิ น” เถ้าแ ก่พูด เขากินไปได้ครึ่งถ้วย ก็สั่งอีกถ้วยหนึ่ง

 

“ไม่อิ่มใช่ไหม? ถ้วยนี้เดี๋ยวตั กให้มากหน่อย จะได้อิ่มไง” เถ้าแ ก่พูดด้วยความเอาใจใส่

“ไม่ใช่ครับ ผมเอาใส่กล่อง พรุ่งนี้จะเอาไปกินที่มหาลัยน่ะครับ” เมื่อเถ้าแ ก่ได้ยิน ก็เดาออกว่า

เด็ กหนุ่มคนนี้คงมาจากต่างจังหวัด

 

ซึ่งฐานะที่บ้านคงไม่สู้จะดีนัก เขาคงมาเรียนที่เมืองหลวงนี่เพียงคนเดียวและคงจะทำงานและ

ก็เรียนไปด้วย ดูก็รู้ว่าเด็ กคนนี้คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย เขาจึงตั กเนื้ อเคี่ยวซอส

ใส่ไว้ที่ใต้กล่องข้าว จากนั้นก็เอาไข่ตุ๋นใส่ไปหนึ่งฟอง

 

แล้วจึงตั กข้าวอัดไปเต็มกล่อง มองดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในกล่องข้าว

นอกจากข้าวเปล่าเท่านั้น เมื่อภรรย าของเขาเห็นดังนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่สามีกำลังทำว่า

ต้องการช่วยเหลือเด็ กหนุ่มคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ราดไว้บนข้าว

 

จะใส่ไว้ใต้ข้าวทำไม? เถ้าแ ก่กระซิบบอกภรรย าว่า “เด็ กผู้ชายรักศักดิ์ศรี หากเขาเห็นว่าบนข้าวมีเ นื้อ

เขาอาจคิดว่าเราทำทานแ ก่เขา หากเป็นอย่ างนี้ คราวหน้าเขาจะไม่กล้ามาอีก ถ้าเขาไปกินร้านอื่น

ก็ได้กินแต่ข้าวเปล่า แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปเรียนหนังสือ”

 

“คุณเป็นคนดีจริง ๆ จะช่วยเขายังกลัวเขาอายอีก”

“หากผมไม่ดี คุณจะแต่งงานกับผมเหรอ” เถ้าแ ก่หนุ่มหยอกเย้ าผู้เป็นภรรย า

“ขอบคุณครับ ผมอิ่มแล้ว แล้วเจอกันใหม่ครับ”

 

เด็ กหนุ่มพูดจบก็หยิบข้าวกล่อง แล้วเดินออกจากร้านไป

เมื่อเด็ กหนุ่มถือข้าวกล่อง ที่ดูหนักกว่าข้าวเปล่าออกจากร้านไป ก็หันมายิ้มให้เจ้าของร้านทั้งสอง

“สู้ ๆ นะ พรุ่งนี้พบกันใหม่”

 

เถ้าแ ก่พูดและโบกมือให้กับเด็ กหนุ่มคนนั้น ในคำพูดประโยคนั้นของเขา

แฝงด้วยคำเชิญให้เด็ กหนุ่ม มากินข้าวที่นี่ใหม่ในวันพรุ่งนี้ เด็ กหนุ่มน้ำตาคลอ ไม่กล้าหันไปมองเจ้าของร้าน

กลัวว่าน้ำตาจะร่วงให้เขาทั้งสองเห็น จากนั้นเป็นต้นมา

 

ถ้าไม่ใช่ช่วงปิดเทอม พลบค่ำของทุ กวันเด็ กหนุ่มก็จะมากินข้าวที่ร้าน

เขาสั่งข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยและข้าวเปล่าหนึ่งกล่องเอากลับบ้าน และใต้กล่องข้าว

ก็จะมีอาหารที่แต กต่างกันไปในแต่ละวัน จนเด็ กหนุ่มเรียนจบปริญญาตรี ผ่ านมา 20 ปีแล้ว ที่ร้านแห่งนี้

 

ไม่ได้ต้อนรับลูกค้าคนพิเศษคนนี้อีกเลย อยู่ ๆ ทางการก็ส่งจดหมายมาบอกว่า จะทำการเวนคืนที่

และร้านของเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น สองสามีภรรย าอายุใกล้จะ 50 ปี เมื่อรู้ข่าวนี้ต่างก็กลัดกลุ้มใจ

ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะทำอย่ างไร เงิ นท องที่จะได้จากทางการ

 

ก็ไม่เพียงพอกับการซื้อบ้านที่มีทำเลดีอย่ างนี้ได้อีกแล้วลูก ๆ ที่กำลังเรียนอยู่ จะหาค่าเทอมมาจากไหน?

ต่างก็กอดกันร้องไห้ ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตอย่ างไรดี

 

เช้าวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐานเข้ามาหาสองสามีภรรย า “สวัสดีครับคุณทั้งสอง ผมเป็นรองผู้จัดการบริษัท

ผู้จัดการใหญ่ของเรา ต้องการให้คุณเข้าไปทำร้านอาหารในบริษัทของเรา ที่กำลังจะทำการเปิดใหม่ในเร็ว ๆ นี้

เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการต กแต่ง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ค่าวัสดุในการทำอาหาร ทางเราจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ขอเพียงคุณจัดหากุ๊กปรุงอาหาร และบริหารงานก็พอ ส่วนกำไรแบ่งครึ่งกับบริษัทของเรา”

 

ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงดีกับเราอย่ างนี้? เ

ราไม่เคยรู้จักผู้ใหญ่ในสังคมเลยสักคนเดียว?สองสามีภรรย าต่างทำหน้างง ๆ

“คุณทั้งสองเป็นผู้มีพ ระคุณของผู้จัดการใหญ่ของเรา ท่านบอกว่าท่านชอบกินไข่ตุ๋น

 

และเ นื้อเคี่ยวซอสของร้านคุณมาก รายละเอียดผมทราบเพียงแค่นี้ นอกเหนือจากนี้ คุณคงจะทราบได้เอง

เมื่อได้เจอกับผู้จัดการใหญ่ของเรา” เมื่อเดินทางไปถึงบริษัท สองสามีภรรย าจึงรู้ว่า ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนี้

ก็คือเ ด็กหนุ่มที่มากินข้าวเปล่าย ามพลบค่ำทุ กวันนั่นเอง

 

หลังจากจบมหาวิทย าลัย เขาก็มุมานะสร้างเนื้ อสร้างตัวจนสามารถเปิดบริษัทแห่งนี้ได้ เขาสำนึกบุญคุณข้าว

ที่สองสามีภรรย าให้เขากิน ตลอดเวลาที่เรียนมหาวิทย าลัย

หากไม่มีสองสามีภรรย าช่วยเหลือเขาในตอนนั้น เขาคงลำบากและไม่สามารถเรียนจนจบได้

 

เมื่อถึงเวลาที่สองสามีภรรย าจะลากลับ ชายหนุ่มยืนขึ้นโค้งคำนับพร้อมกับพูดว่า

“สู้ ๆ นะครับ ต่อไปนี้บริษัทของเราต้องพึ่งพาคุณแล้วนะครับ พรุ่งนี้พบกันใหม่ครับ”

 

ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา

คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงเรา นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์ การแบ่งปันเล็ก ๆ ของท่าน

อาจสามารถส่องสว่างให้แ ก่ชีวิตคนมากมาย คนให้ก็มีความสุข คนรับก็มีความสุข

 

ขอบคุณที่มา : feelingdd

Comments are closed.

Check Also

แนวคิด10 ข้อ สอนลูกให้ได้ดี เติบโตไปจะได้ไม่ลำบาก

เรื่องราวสอนใจ เผิงลี่หยวน เธอได้แสดงความคิดเห็น กับเรื … …