Home ข้อคิดสอนใจ อ ย่ า คาดหวังจากใคร เพราะไม่มีใคร ช่วยได้ตลอด

อ ย่ า คาดหวังจากใคร เพราะไม่มีใคร ช่วยได้ตลอด

บทความที่นำมาฝากกันในวันนี้เป็นเรื่องจากประสบการณ์ของผู้ที่มีอายุมาก

ที่ต้องการจะบอกกับคนหนุ่มสาววัยกลางคนหรือวัยทำงานรวมทั้งวัยรุ่นให้เตรียมรับมือ

 

และทำความเข้าใจกับเรื่องที่ต้องพบเจอในชีวิตทุ กเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เงิ น

ความสัมพันธ์ เพื่อน คนรัก รวมถึงครอบครัวและความมั่นคงในชีวิต

 

เพื่อนแท้

ส่วนมากจะมีแค่ช่วงวัยเรียนที่จะเป็นเพื่อนแท้ของเราจริง ๆ เพื่อนที่ไม่ได้

ไม่เสี ยผลประโยชน์จากกันและกันคอยช่วยเป็นที่ปรึกษาเรื่องราวต่าง ๆ

 

ในวัยทำงานมีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบกับเพื่อนที่มีความจริงใจ

และรักเรามากเหมือนเพื่อนสนิทในวัยเรียนที่ผูกพันกันมานานกว่าและสนิท

กันมากกว่าเพื่อนที่ทำงาน

 

ชีวิตคู่

การที่คน 2 คนมาอยู่ด้วยกันจะเริ่มมองเห็นถึงความเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง

หากคู่หรือคนรักไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากันได้ในที่สุดก็จะต้องแยกทาง

กันหรืออยู่อย่ างไม่มีความเอื้ออาทรต่อกัน

 

อาชีพหน้าที่การงาน

งานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แม้เราจะต้องทำงานแทบจะตลอดเวลาเพื่อหาเ งิ

นในการดำรงชีวิตแต่การจัดแบ่งเวลาให้ความสำคัญกับเรื่องอื่น ๆ

 

หรือการพักผ่อน จะช่วยให้สามารถบาลานซ์ชีวิตได้ดีขึ้นทำให้ประสิทธิภาพ

ในการทำงานสูงขึ้นได้โดยใช้เวลาน้อยลง

 

ชีวิตเป็นเรื่องที่ไม่มีความแน่นอน

ทุ กคนควรเข้าใจและยอมรับว่า ทุ กสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ไม่มีอะไรที่จะคงเดิมได้ตลอดก าล

 

ความล้ มเหลวในชีวิต

ความผิ ดพลาดเป็นสิ่งที่ดีหากรู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ ทั้งของตัวเอง

และของผู้อื่น เราสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตได้

 

ทุ กวันที่ตื่นขึ้นมาวันเวลาของคนเราก็เหลือน้อยลงทุ กวัน การก้าวเข้าสู่วัยชรา

เป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวแต่ความจริงแล้วทุ กคน

 

ก็ต้องมาถึงวัยชรากันอย่ างไม่มีข้อยกเว้น วิ ธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้เป็นข้อคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ

ที่จะทำให้เข้าสู่วัยเกษี ยณหรือวัยชราได้อย่ างมีความสุข

 

1. สุ ขภาพ ระยะย าวสำคัญมาก การใช้งานร่ างกายทำงานอย่ างหักโหม พักผ่อนน้อย

ทานอาหารไม่มีประโยชน์และความเครียด จะทำให้ร่ างกายสะสม

 

ความตึงเครียดเอาไว้แล้วแสดงอาการออกมาเป็นโ รคร้ า ยต่าง ๆ การดูแลตัวเองทั้ง

สุ ขภาพร่ างกายและสุ ขภาพจิตจึงเป็นสิ่งที่ควรพัฒนาตัวเองอย่ างมาก

 

2. ไม่คิดเล็กคิดน้อย เมื่อถึงวัยนี้ควรมีความเข้าใจในชีวิตอย่ างถ่องแท้แล้วใช้ชีวิตที่เหลือ

อยู่อย่ างมีความสุขไม่จำเป็นต้องร่ำร วยก็สามารถมีความสุขได้

 

เพราะทุ กสิ่งทุ กอย่ างเกิดขึ้นที่ใจของเราและวิ ธีการมองโลกของเราจะเปลี่ยนไป

เมื่อถึงวัยนี้ไม่ควรที่จะเสี ยเวลากับเรื่องคนอื่นให้น้อยลงแต่ควรใส่ใจจิตใจภายใน

ของตัวเองให้มากขึ้น เช่นการศึกษาธรรมหรือเรียนรู้สัจธรรมของชีวิต

 

3. อย่ าปล่อยให้ความทุ กข์แ ย่งเวลาที่เหลือในชีวิตของคุณไป ผู้ใหญ่หลายคนแม้จะอายุมากแล้ว

แต่ยังคงมีความคิดที่ยึดติ ดกับสิ่งต่าง ๆ หากไม่เป็นดังใจก็เกิดความไม่พอใจ

 

กลายเป็นสร้างความทุ กข์ให้ตัวเองโดยไม่จำเป็นเมื่อคุณส่งลูกหลานถึงฝั่งเรียบร้อยแล้ว

ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะทุ กชีวิตต่างมีเส้นทางของตัวเอง

และเรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นดังใจเราได้ทุ กอย่ างเสมอไป

 

4. ไม่ทวงบุญคุณ การใช้ชีวิตส่วนมากในการทำงานหาเงิ นส่งเสี ยเลี้ยงดูบุตรหลานนั้นเป็นหน้าที่ของเรา

ในช่วงอายุที่ยังทำงานได้ เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ การเรียกร้องทวงบุญคุณ

 

จากลูกหลานไม่ช่วยให้เกิดความรู้สึกหรือทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้นได้แต่อย่ างใด

เมื่ออายุมากขึ้นก็ควรทำตัวให้สมกับวุฒิภาวะ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลาน

 

5. มีความสุขเลยตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรอให้มีเงิ นท องมาก ๆ แล้วค่อยอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข

การขอบคุณกับทุ กลมหายใจที่เรายังมีอยู่ในวันนี้เป็นความสุขเล็ก ๆ

 

ที่หากใครสามารถมองเห็นได้ก็จะเข้าใจว่าเป้าหมายของชีวิตไม่ใช่ปลายทางแต่เป็นเรื่องราว

ความทรงจำระหว่างทาง ต่างหากที่จะเป็นความสุขที่เราเอื้อมถึงได้ทันที

 

6. ไม่ฝากชีวิตไว้กับใคร การดูแลตัวเองไม่หวังพึ่งหรือเป็นภาระให้กับลูกหลานวัยเรียนหรือวัยทำงาน

หากมีสุ ขภาพที่แข็งแรง แม้จะอายุเยอะแต่ก็ยังสามารถดำเนิน

 

กิจวัตรประจำวันได้โดยไม่ต้องมีคนคอยดูแลแต่หากป่ วยก็จะทำให้หมดกำลังใจไป ดังนั้นสุ ขภาพ

จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและควรดูแลร่ างกายตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ จะทำให้เราก้าวเข้าสู่วัยชรา

ได้อย่ างแข็งแรง สดชื่นและมีความสุข

 

7. หยุดซื้อของที่ไม่จำเป็น ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เป็นสิ่งของภายนอก การใช้เ งินซื้อความสุขที่ไม่มีตัวตน

จึงเป็นเรื่องอั นตราย เพราะคนเรามักมีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด

 

หากใช้ชีวิตด้วยการใช้เ งินจนหมดไม่มีเหลือเก็บหรือลงทุนต่อยอดใด ๆ อาจทำให้คุณถังแต กตอนแ ก่

กลายเป็นภาระให้กับลูกหลานที่อยู่ในวัยทำงานและวัยสร้างเ นื้อสร้างตัว

 

หากต้องการดูแลตัวเองได้ให้ลองนับอายุปัจจุบันถึงอายุที่คิดว่าจะต ายตอนอายุเท่าไหร่แล้วสำรอง

เ งินเอาไว้ใช้ในส่วนนี้

 

เช่น อายุ 50 ปีควรมีเ งินใช้ตอนเกษียณเท่าไหร่ให้บวก 10 ปี เช่น

อายุ 51 ควรมีเงิ นสะสมสำหรับใช้ 10 + 1 = 11 ปี

 

อายุ 52 ควรมีเงิ นสะสม 12 ปี

อายุ 60 ควรมีเ งินสะสม 20 ปี ซึ่งจะเป็นเงิ นที่เราใช้ในช่วงก่อนจะสิ้นอายุขัยนั่นเอง

 

8. อย่ าเสี ยเวลากับการเล่นโซเชียล คนวัยนี้ควรใช้โซเชียลในทางที่ถูกต้องได้อย่ างสมวัย

คือใช้สำหรับติ ดต่อเพื่อน ๆ ครอบครัว อ่ านข่าว อ่ านหนังสือ

 

ดูหนัง ฟังเพลงที่ชอบและไม่ควรจิตต กกับการเส พข่าวปลอมหรือข่าวลบ ๆ

ในสังคมโลกให้มากนัก

 

9. เลิกคิดถึงความผิ ดพลาดที่ผ่ านมา ไม่ว่าใครก็เคยทำพลาดกันได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะร้ ายแรงแค่ไหน

แต่หากวันนี้คุณสามารถกลับมายืนในจุดที่สามารถตั้งสติได้

 

ให้เลิกบั่ นทอนกำลังใจตัวเองด้วยการคิดถึงความผิ ดพลาดหรือป มชีวิตที่ผ่ านมาซ้ำ ๆ

เพราะนอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังทำให้เสี่ ยงเป็นโ รคซึมเศร้ าได้อีกด้วย

 

10. ไม่จำเป็นต้องแคร์คำพูดคน คนพูดไม่เคยจำ คนฟังไม่เคยลืม หากเรายังติ ดนิสัยเก็บถ้อยคำตำหนิ ด่าทอ

จากใครก็ตาม มันเป็นเรื่องของคนอื่น สิ่งที่เขาพูดไม่ดีถึงเราไม่สามารถทำอะไร

 

เราได้หากเราไม่เก็บมาคิดซ้ำ ๆหรือพย าย ามเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของคนอื่น

จะทำให้เราข าดความสุขในการใช้ชีวิตของตัวเองไป เรียกว่า เสี ยเวลาชีวิตมากเลยทีเดียว

 

ทั้ง 10 ข้อนี้ เหมาะสำหรับผู้คนทุ กวัยโดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่ที่ส่วนมากจะหมกมุ่นกับการหาเงิ นจ่ายห นี้สิน

หรือสร้างฐานะ แต่การทุ่มเทชีวิตให้กับงานหรือเงิ นนั้น

 

ไม่สำคัญเท่าความใส่ใจของตัวเราที่ต้องดูแลสุ ขภาพทั้งกายและใจของเราเองต่างหาก

การก้าวเข้าสู่วัยชราจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเศร้าหากเราเข้าใจในข้อคิดต่าง ๆ เหล่านี้มากพอ

 

ขอบคุณที่มา : krustory

Comments are closed.

Check Also

แนวคิด10 ข้อ สอนลูกให้ได้ดี เติบโตไปจะได้ไม่ลำบาก

เรื่องราวสอนใจ เผิงลี่หยวน เธอได้แสดงความคิดเห็น กับเรื … …