ตอนเด็ ก ๆ เรียนประถมถึงมัธยม ผมเข้าใจมาตลอดว่า..
คนที่เรียนดีได้คะแนนสูง ได้อันดับการเรียนที่ดี ๆ
สอบติ ดมหาวิทย าลัยดี ๆ
จบด๊อกเตอร์ มีใบปริญญาหลาย ๆ ใบ “คือคนเก่ง”
โตขึ้นมาหน่อย.. ผมเข้าใจว่า คนที่ทำงานได้
อย่ างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ขั้นเทพ
รายได้สูง ๆ เป็นคนที่รู้จักของคนทั่วไปหรือในสังคม. “นั่นคือคนเก่ง”
มาวันนี้.. ผมพึ่งเข้าใจว่า
ผมคิดผิดมาตลอดคนเก่งที่แท้จริง
คือคนที่ทำงานที่ตัวเองรัก ตัวเองชอบได้อย่ างยอดเยี่ยม
หรืออาชีพอะไรก็ได้..
ทำได้อย่ างมีประสิทธิภาพ และถึงเวลากินก็ได้กิน..
ถึงเวลานอนก็ได้นอน..
มีเวลาว่างก็บอกไปเที่ยวดูโลกภายนอกเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
มีเวลาออกกำลังกายดูแลสุ ขภาพตัวเราเอง
มีเวลาให้กับครอบครัวมีเวลาให้กับคนที่เรารักและคนที่รักเรา
และที่สำคัญมีเวลาให้กับตัวเราเอง…
คนที่สมดุลทุ ก ๆ เรื่อง.. ในแบบฉบั บของตัวเอง..
และใช้ชีวิตอย่ างมีความสุขนั้นแหละ “คือคนเก่งที่แท้จริง”
สุดท้ายอย ากบอกไว้ว่า “คนเก่ง”
จงช่วยหลือผู้อื่นอยู่เสมอ..
9 ข้อคิดเตื อนใจ ไม่ได้เตื อนใคร เก็บไว้เตื อนตัวเอง
1. อย่ าทำล า ยความหวังใคร
เพราะมันอาจเป็นความหวังสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่
2. ฝึกการเป็นผู้ให้แบบไม่คาดหวังจะได้กลับ
เพราะมันคือการสร้างคุณค่าของการได้เกิดมา
3. อย่ า ก ลั วใครไม่รัก แต่จงเริ่มจากการรักตัวเองก่อน
เพราะเสน่ห์ของการรู้จักรักตัวเองจะกระจายสู่คนรอบข้าง
4. ฝึกการพอใจไขว่คว้าแต่พอตัว
อะไรเกินกำลังก็ปล่อยไป มีแค่ไหน ก็พอใจแค่นั้น
5. ทุ กวันคือการเปลี่ยนแปลงเสมออย่ า ยึ ด ติ ดกับอะไรเดิม ๆ
แม้ผม ขน ฟั น เรายังร่ วง ตามก าลเวลา
จงเข้าใจและ หัดมีความสุขกับปัจจุบันได้แล้ว…
6. หัดมีความสุข กับตัวเองได้แล้ว
เพราะ..ไม่มีใครที่จะอยู่กับเราไปตลอด
7. อย่ าอิ จฉาใคร เพราะบินสูงแค่ไหน
พอถึงเวลาเราก็ร่วงกันทุ กคน
8. ฝึกเข้าใจกับคำติ-ชม คำติก็ให้เฉย ๆ
คำชมก็ให้ปล่อยวาง
“ติเพื่อก่อก็เก็บมาพัฒนา”
“ติเพื่อทำล า ยก็อย่ าเอามาใส่ใจ”
9. ฝึกอภั ยและปล่อยวางกับความเจ็ บ ป วด
ไปทีละนิดเพื่อเพิ่มเวลาความสุขของเราให้มากขึ้น
ขอบคุณที่มา : chayend